- รายละเอียด
- ฮิต: 572
วิธี Bypass ติดตั้ง Windows 11 สำหรับเครื่องรุ่นเก่าที่ไม่มี TMP
สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์และอยากจะติดตั้ง Windows 11 แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะติดปัญหาว่าเครื่องไม่มี TPM ซึ่งถือว่าเป็นข้อกำหนดที่ทางไมโครซอฟท์กำหนดสเปคขั้นต่ำว่าต้องมี เพื่อป้องกันความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ ทำให้มีเครื่องจำนวนมากที่เมื่อเข็คสเปคแล้วไม่สามารถติดตั้ง Windows 11 ได้ แต่ดูว่าเหมือนไมโครซอฟท์จะอ่อนโอนกับเรื่องนี้ โดยให้สามารถ Bypass ข้ามขั้นตอนการตรวจสอบ TPM ใน registry ได้
การทำ Bypass ให้สามารถติดตั้ง Windows 11 ได้ จะต้องเป็นการติดตั้ง Windows 11 ใหม่ จะทำแบบอัปเดตไม่ได้โดยให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธี Bypass TPM Windows 11
- ติดตั้งระบบ Windows 11 แล้วรอกให้ระบบขึ้นว่า “This PC can’t run Windows 11” จากนั้นให้กด Shift + F10
- ในหน้า Command Prompt ให้พิมพ์ regedit แล้วกด Enter
- เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM \Setup คลิกขวาที่ Setup เลือก New แล้วสร้างคีย์ชื่อ LabConfig
- เมื่อสร้าง LabConfig ขึ้นมาด้านซ้ายมือแล้วให้คลิกที่โฟลเดอร์ดังกล่าว แล้วจัดการสร้างไฟล์ข้อต่อไปด้านขวามือ
- คลิกขวาที่ตารางขวามือเลือก New > DWORD (32-bit) value ในชื่อ BypassTPMCheck แล้วดับเบิ้ลคลิกตั้งค่าไว้เป็น 1
- ทำแบบเดียวกันกับข้อ 5 แต่ให้เปลี่ยนชื่อในข้อ 7 – 8
- สร้าง DWORD (32-bit) ชื่อ BypassSecureBootCheck แล้วตั้งค่าไว้ที่ 1 (ไม่ต้องทำก็ได้ถ้าเครื่องคุณเปิด Secure Boot ไว้อยู่แล้ว)
- สร้าง DWORD (32-bit) ชื่อ BypassRAMCheck แล้วตั้งค่าไว้ที่ 1 (ข้อนี้จะทำหรือไม่ก็ได้ถ้าแรมเครื่องคุณพอ)
- เมื่อสร้างครบ 3 อันจะได้แบบภาพด้านล่าง
- ปิดหน้าต่างของ Registry Editer
- พิมพ์ exit แล้วกด Enter
- เมื่อกลับมาที่หน้าติดตั้งระบบ Windows เลือกลูกศรย้อนกลับ เพื่อให้มีการตรวจเช็คใหม่ ถ้าสิ่งที่คุณสร้างถูกต้อง จะไม่มีการเรียกหา TMP อีกจะสามารถติดตั้ง Windows 11 ได้
เครดิต https://www.modify.in.th/
- รายละเอียด
- ฮิต: 1604
แปลงค่าวันที่ ปรับเพิ่มระยะห่าง สามารถนำไปประยุกต์กับการเพิ่มวันที่พิมพ์เช็คได้
ตัวอย่างสูตร
=" "&TEXT((DAY(B6)),"0 0")&" "&TEXT((MONTH(B6)),"0 0")&" "&TEXT((YEAR(B6)+600),"0 0 0
ผลลัพที่ได้ 1 2 0 3 2 5 6 3
อธิบายเพิ่มเติมดังนี้
ข้อความ " "& หลังเครื่องหมาย = จะมีหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการปรับตำแหน่งใน cell บางท่านอาจจะใช้วิธีตั้ง "การเยื้อง" ก็ได้
การ format Text โดยกำหนด "0 0" สำหรับวันที่และเดือน ในความหมายเดียวกัน เป็นการแยกตัวเลขตัวแรกและตัวที่สองออกจากกัน โดยกำหนดระยะความห่างระหว่างเลขศูนย์สองตัว ในที่นี้เคาะเว้นวรรค 5 ครั้ง (แตกต่างกันตามประเภทและขนาดของตัวอักษรที่แต่ละคนใช้ในปัจจุบัน)
การ format Text โดยกำหนด "0 0 0 0" สำหรับปี เป็นการแยกตัวเลขทั้งสี่ตัวออกจากกัน เท่ากับระยะความห่างของเลขศูนย์แต่ละตัว อธิบายคล้ายกับด้านบน
สำหรับ +543 เป็นการปรับรูปแบบระหว่าง ค.ศ. และ พ.ศ. จะมีหรือไม่ขึ้นอยู่กับ format วันที่ของเครืองที่ใช้และความต้องการของผู้ใช้ ว่าต้องการพิมพ์เป็น ค.ศ. หรือ พ.ศ.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สูตรแยกวัน เดือน ปี
=TEXT($L$4,"d") หรือ =DAY(L4) ก็ได้
=TEXT(L4,"ดดดด")
=TEXT(L4,"bbbb")
------------------------------------------------------------------------------------
จุดทศนิยม
=TEXT(int(L4),"0,000") ไม่เอาจุดทดศนิยม
- รายละเอียด
- ฮิต: 5588
สูตรการคำนวณในระบบไฟฟ้ากระแสตรง
ไฟฟ้ากระแสตรงคือไฟฟ้าที่ไม่มีความถี่ มีแต่ขั้วบวกและขั้วลบ ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามระยะเวลา เราจึงเรียกว่าไฟฟ้ากระแสตรง
เพื่อที่จะจำได้ง่ายขึ้น เราจะจำตัวแปรใหญ่ๆในระบบไฟฟ้าในรูปแบบนี้ (คนที่เรียนไฟฟ้ามาจะรู้ดี) เราเรียกว่าสามเหลี่ยม V I R, P V I
จากรูป จะได้สมการต่างๆดังนี้
แรงดันไฟฟ้า : V = I x R หรือ V = P / I (มีหน่วยเป็นโวล์ท)
กระแสไฟฟ้า : I = V / R หรือ I = P / V (มีหน่วยเป็นแอมป์)
ความต้านทาน : R = V / I (มีหน่วยเป็นโอห์ม)
กำลังไฟฟ้า : P = V x I (มีหน่วยเป็นวัตต์)
ยกตัวอย่าง
อุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรง มีขนาดกำลังไฟฟ้า 100 วัตต์ ที่แรงดัน 12 โวล์ท ดังนั้นเราสามารถหาค่ากระแสไฟฟ้าได้ดังนี้
I = P / V = 100 / 12 = 8.33 A
* การเลือกขนาดทนกระแสของสายไฟฟ้า = I x 1.25 (จะเลือกมากกว่านี้ก็ได้ครับ แต่ราคาสายจะแพง 55+); การเลือกฟิวล์และเซอกิตเบรคเกอร์ จะเลือกให้สูงกว่ากระแสที่คำนวณได้เล็กน้อย
อาจเลือก 10 หรือ 12 แอมป์ ตามที่มีขายในท้องตลาด หลักการคือ ฟิวล์ หรือเซอร์กิตเบรคเกอร์ต้องขาดหรือตัดวงจร
ก่อนที่สายจะไหม้ (หลักการและวิธีใช้งานของฟิวล์, เซอกิตเบรคเกอร์ จะอธิบายทีหลังนะครับ)
ตัวต้านทาน (Resistor)
เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่ตานการไหลของกระแสไฟฟ้าโดยใช้ได้ทั้งไฟฟ้ากระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลับ ถ้าความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านตัวต้านทานได้น้อย ถ้าความต้านทานน้อยกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านตัวต้านทานได้มาก
ตัวเก็บประจุ (Capacitor or Condenser)
มีคุณสมบัติในการเก็บประจุไฟฟ้า เกิดจากการที่มีแผ่นโลหะสองแผ่นวางอยู่ใกล้ ๆ กัน แต่ไม่แตะถึงกันโดยมีแผ่นไดอิเล็กตริกซึ่งมีลักษณะเป็นฉนวนกั้นอยู่ระหว่างแผ่นโลหะทั้งสอง
ไดโอด (Diode)
ทำมาจากสารกึ่งตัวนำมีขนาดเล็ก มีขั้วต่อออกมาใช้งาน 2 ขั้ว มีคุณสมบัติยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดียวเมื่อป้อนแรงดันไฟฟ้าตรงขั้วและจะไม่ยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้เมื่อป้อนแรงดันไฟฟ้ากลับขั้ว โดยมีลักษณะ ดังรูป
ทรานซิสเตอร์ (Transistor)
เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิด 3 ตอนต่อชนกัน โดยใช้สารกึ่งตัวนำชนิด P และชนิด N ทรานซิสเตอร์ต้องสร้างให้ตัวนำตอนกลางแคบที่สุด มี่ขาต่อออกมาใช้งาน 3ขา
ลำโพง (Speaker)
มีหน้าที่ในการเปลี่ยนสัญญาณเสียงในรูปของพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานเสียงที่หูเราสามารถรับรู้ได้โครงสร้างของลำโพงทั่วไปมีส่วนประกอบตามรูป
แผงทดลองวงจร (Project Board)
เป็นพื้นที่ทดลองเสียบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น สะดวก รวดเร็ว ก่อนนำไปใช้งานจริง โดยไม่ต้องอาศัยหัวแร้งในการบัดกรี
วงจรแผ่นพิมพ์ (Printed Circuit Boards)
วงจรแผ่นพิมพ์หรือแผ่นปริ้นท์ เป็นแผ่นพลาสติกที่ผิวด้านหนึ่งถูกเคลือบด้วยแผ่นทองแดงบางเพื่อใช้ทำลายพิมพ์วงจรและทำให้เกิดวงจรขึ้นมา ใช้เป็นลายตัวนำในการเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เข้าด้วยกัน เกิดเป็นวงจรต่าง ๆ ตามต้องการ
หม้อแปลง (Transformer)
มีลักษณะเป็นขดลวดทองแดงอาบน้ำยาที่พันอยู่บนแกนตั้งแต่ 2 ชุดขึ้นไป ทำหน้าที่ผ่านแรงดันไฟฟ้า จากขดลวดชุดหนึ่งไปยังอีกชุดหนึ่งโดยการเหนี่ยวนำทางเส้นแรงแม่เหล็กไฟฟ้า ตามรูป
หัวแร้ง (Electric Soldering)
เป็นเครื่องมือที่เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าให้เป็นพลังงานความร้อน เพื่อใช้ในการเชื่อมหรือถอดอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์เรียกว่า “การบัดกรี” โดยมีส่วนประกอบตามรูป
วงจรรวม IC (Integrated Circuit)
เป็นอุปกรณ์รวมการทำงานของทรานซิสเตอร์ ไดโอด รีซิสเตอร์ และอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำอื่น ๆ เข้ารวมเป็นชิ้นเดียวกันและมีขาออกมาภายนอกสำหรับป้อนแหล่งจ่าย มีหลายชนิดแล้วแต่หน้าที่การทำงาน
แบตเตอรี่ (Battery)
เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง เป็นเซลล์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมดแล้ว ไม่สามารถนำมาประจุใหม่ได้อีก การสร้างแบตเตอรี่โดยการนำแผ่นทองแดงและแผ่นสังกะสีจุ่มลงในน้ำยาอิเล็กโตรไลด์ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี
- รายละเอียด
- ฮิต: 1868
วิธีเปลี่ยนชื่อเฟสบุ๊คเพจ (Facebook Page) ฉบับอัพเดต 2019

การเปลี่ยนชื่อเพจ FACEBOOK
สำหรับใครต้องการเปลี่ยนชื่อเพจ สามารถยื่นเรื่องแก้ไขชื่อเพจกับทางเฟสบุ๊ค (Facebook) ได้นะคะ แต่ก่อนจะยื่นเรื่องขอเปลี่ยนชื่อเพจ เจ้าของเพจควรรู้เงื่อนไขในการขอแก้ไขชื่อเพจไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นอาจเปลี่ยนชื่อเพจไม่ได้นะคะ
-
แอดมินเพจ (Admin) หรือ ผู้แก้ไข (Editor) เท่านั้นถึงมีสิทธิ์แก้ไขชื่อเพจ
-
เพจน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เพจ 0 Likes เพราะเฟสบุ๊คให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของเพจมาก ดังนั้นหากเพจคุณเพิ่งเปิด หรือมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย เฟสบุ๊คจะถือว่ายังไม่มีความน่าเชื่อถือและอาจไม่อนุมัติคำขอแก้ไขชื่อเพจ
จากนั้นเรามาดู วิธีแก้ไขชื่อเพจ FACEBOOK กัน
-
ไปที่เพจที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ
-
เลือก “เกี่ยวกับ” About ในแถบเมนูซ้ายมือ
-
คลิก “แก้ไข” Edit ที่ชื่อเพจ
-
เลือก “ดำเนินการต่อ”
-
หลังจากนั้นก็รอเฟสบุ๊ค Facebook อนุมัติ ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

ทำไมถึง เปลี่ยนชื่อเพจ FACEBOOK ไม่ได้?
สำหรับใครที่ยื่นเรื่องไปแล้วแต่เฟสบุ๊คไม่อนุมัติ ไม่ต้องตกใจนะคะ ปรับชื่อเพจให้ถูกต้องตามกฎของเฟสบุ๊ค และยื่นเรื่องใหม่ได้ค่ะ
-
ไม่ใช้คำที่ไม่เหมาะสม คำหยาบ ผิดหลักไวยากรณ์ หรือคำที่ละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่น
-
ไม่ควรมีคำว่า "อย่างเป็นทางการ" ในชื่อเพจ
-
ไม่ใช้สัญลักษณ์หรือใช้เครื่องหมายวรรคตอนมากเกินไป
-
ชื่อเพจใหม่ต้องไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
-
ชื่อเพจต้องสอดคล้องกับเนื้อหาเพจ

หลังจากที่เปลี่ยนชื่อเพจแล้ว เฟสบุ๊คจะใช้เวลาในการอนุมัติ 1-7 วัน หากยื่นเรื่องครั้งแรกและถูกปฏิเสธ สามารถยื่นเปลี่ยนชื่อเพจใหม่ครั้งต่อไปได้ในอีก 7 วันข้างหน้านะคะ
Tips : หากต้องการเปลี่ยนชื่อเพจให้ผ่าน 100% ต้องลบบางคำหรือเติมชื่อเพจใหม่ที่ต้องการต่อจากชื่อเพจเดิม แล้วกดบันทึกจากนั้นให้รอ 7 วันจะเปลี่ยนชื่อเพจได้อีกครั้ง เมื่อถึงกำหนดให้เปลี่ยนชื่อเพจตามที่ต้องการ คราวนี้เราเปลี่ยนเป็นชื่อเพจที่ต้องการได้เลยค่ะ
เครดิตบทความดีๆ https://www.page365.net/all-articles/how-to-change-facebook-page-name